กรณีศึกษา: การจัดตั้งและดำเนินงาน
ธนาคารเวลาตำบลชมภู จ.เชียงใหม่
นายอนันต์ แสงบุญ อดีตผู้ใหญ่บ้าน หนึ่งในแกนนำชุมชนได้มีโอกาสพบกับคุณปิติพร จันทรทัต ณ อยุธยา ซึ่งมองเห็นศักยภาพและความเข้มแข็งของการทำงานจิตอาสาเพื่อผู้พิการและผู้สูงอายุโดยภาค ประชาชนของตำบลชมภูและชักชวนให้ทดลองทำธนาคารเวลาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนซึ่งยังไม่เคยมีใครเคย ทำมาก่อน แต่เนื่องจากชุมชนเคยรู้จักแต่ธนาคารความดีแต่ยังไม่เคยได้ยินคำว่าธนาคารเวลา จึงเริ่มศึกษา โดยการหาข้อมูลตามสื่อออนไลน์ พบว่ามีแนวคิดที่น่าสนใจจึงนำแนวคิดเรื่องธนาคารเวลาปรึกษาหารือ กับคณะทำงานศูนย์บริการคนพิการตำบลชมภู ซึ่งสมาชิกอาสาสมัครของชมรมชมภูม่วนใจ๋มีความสนใจ และอยากทดลองทำธนาคารเวลาที่เริ่มจากความต้องการของคนในชุมชน
ต่อมาคณะทำงานของตำบลชมภู ได้รับเชิญเข้าร่วมเวทีถอดบทเรียนกระบวนการของธนาคาร เวลาตามแนวปฏิบัติของกรมกิจการผู้สูงอายุและผลการศึกษาของสป.สว.ที่ไปศึกษาดูงานธนาคารเวลาใน ประเทศอังกฤษซึ่งจัดโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ ฯ ร่วมกับ สสส. หลังจากเข้าร่วมเวทีดังกล่าวคณะทำงานจึง มีความรู้ความเข้าใจ มองเห็นรูปแบบ กระบวนการ วิธีทำงานมากขึ้น คิดว่ามีความเป็นไปได้และสามารถ นำมาปฏิบัติการจริงในพื้นที่ตำบลชมภูได้ ที่ทางกรมกิจการผู้งอายุและภาคีเครือข่าย ได้พัฒนาแนว ทางการดำเนินเวลาในประเทศไทย 10 ขั้นตอน ซึ่งคณะทำงานได้ทดลองนำแนวทางดังกล่าวมา ประยุกต์ใช้ตามบริบทของชุมชน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1
การจัดให้มีคณะทำงานเตรียมการจัดตั้งธนาคารเวลาในพื้นที่
- ผู้แทนคณะทำงานตำบลชมภู ได้นำแนวคิด ธนาคารเวลา จากเวทีถอดบทเรียนมาขยายต่อให้คณะทำงานอื่นๆ โดยเริ่มที่กลุ่ม อาสาสมัครจิตอาสาชมรมชมภูม่วนใจ๋ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่หลากหลาย เช่น คนพิการ แม่บ้าน ผู้สูงอายุ อสม. อผส. ข้าราชการบำนาญ และบุคลากรท้องถิ่น ทุกคนเคยทำงานร่วมกันเพื่อสังคมมานาน มีจุดเด่นคือความสามัคคี แม้จะแตกต่างกัน แต่ทุกคนมีจิตอาสา พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ และมุ่งมั่นช่วยเหลือชุมชนเสมอ 😊
- พ่อหลวงอนันต์ แสงบุญ เปิดประชุมกับคณะทำงานด้วยคำถามว่า “เคยเยี่ยมบ้าน ดูแลผู้ป่วย หรือช่วยเหลือชุมชนมาแล้วกี่ครั้ง?” ซึ่งไม่มีใครตอบได้ เพราะแม้ทุกคนทำมามาก แต่ไม่เคยจดจำหรือบันทึก ด้วยความคิดว่าเราเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน
- จึงเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงแนวคิด ธนาคารเวลา ที่เน้นบันทึกทั้งการ “ให้” และ “รับ” เพื่อสะท้อนความสุขของการช่วยเหลือและการได้รับการดูแล ธนาคารเวลายังช่วยให้ผู้รับบริการเห็นคุณค่าและศักยภาพของตัวเองในการตอบแทนสังคม สร้างความรู้สึกมีคุณค่าและนับถือตนเอง
- ที่ประชุม 20 คนมีมติเห็นชอบจัดตั้งธนาคารเวลาในตำบลชมภู และเริ่มวางแผนเตรียมการ โดยเน้นการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับชุมชน เพื่อทำให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ต่อไป😊
2
สร้างการรับรู้ การยอมรับของสังคม ชุมชนในพื้นที่
- เมื่อเริ่มเตรียมจัดตั้งธนาคารเวลา คณะทำงานเน้นสร้างการรับรู้และยอมรับในชุมชน โดยใช้วิธีประชาสัมพันธ์หลากหลาย เช่น การพูดถึงธนาคารเวลาในทุกการประชุมและกิจกรรม การฝากกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย และการส่งข้อมูลผ่าน LINE กลุ่มต่างๆ เช่น คลิปและบทความที่เกี่ยวข้อง
- สำหรับแกนนำชุมชน ใช้วิธีพูดคุยส่วนตัวเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด พร้อมนำเสนอข้อมูล เช่น สถานการณ์สังคมสูงวัย และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ จากนั้นจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ศูนย์บริการผู้พิการตำบลชมภู เพื่อพูดคุยแนวคิดและหลักการธนาคารเวลา
- แม้ชุมชนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แต่หลายคนยังสงสัยเรื่องวิธีการดำเนินงาน กฎกติกา และการแลกเปลี่ยนที่อาจดูซับซ้อนในช่วงแรก เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ทีมงานจึงมุ่งเน้นอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นและชัดเจนยิ่งขึ้น! 😊
- เมื่อสมาชิกท่านหนึ่งกล่าวในที่ประชุมว่า “อย่ากังวลเลย มาลองเล่นธนาคารเวลากันเถอะ ทำแบบไม่ต้องเป็นทางการ ลองผิดลองถูกในแบบที่เราถนัด ขยับกันดูเลยไหม” คำพูดนี้ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลาย สมาชิกชุมชนและคณะทำงานรู้สึกสบายใจ และพร้อมเริ่มต้นขยับแนวคิดธนาคารเวลาในแบบฉบับของตำบลชมภูได้อย่างมั่นใจ! 😊
3
เตรียมความพร้อม สร้างความร่วมมือในพื้นที่
- คณะทำงานเตรียมการตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในชุมชน จึงใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวและโอกาสทั้งทางการและไม่เป็นทางการเข้าพบผู้นำหน่วยงาน เพื่อชี้แจงและเชิญชวนร่วมจัดตั้งธนาคารเวลาในตำบลชมภู ผลคือเกิดการบูรณาการทรัพยากรและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น ศูนย์บริการคนพิการตำบลชมภู เทศบาลตำบล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียน วัด ชมรมต่างๆ และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอสารภี
- ทุกหน่วยงานสนับสนุนตามศักยภาพ โดยมีบุคลากรจากแต่ละหน่วยงานเข้าร่วมในคณะเตรียมการ ช่วยแบ่งปันข้อมูลและประสานงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจัดตั้งธนาคารเวลาเริ่มต้นได้อย่างมั่นคง! 😊
4
สำรวจบริบท จัดทำฐานข้อมูล
- คณะทำงานจัดตั้งธนาคารเวลาในตำบลชมภูได้รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เช่น รพ.สต. เทศบาล และชมรมชุมชน เพื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ปัญหา และความต้องการของผู้รับบริการ พบว่าตำบลชมภูกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ผู้สูงอายุ 25.1% ของประชากร ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และมีคนพิการ 3.5% ของประชากร โดยส่วนใหญ่พิการทางการเคลื่อนไหว และมีผู้สูงอายุระยะพึ่งพิง 78 คน
- ความต้องการบริการ:
- ดูแลสุขภาพที่บ้าน เช่น กายภาพบำบัด ถอดสายปัสสาวะ
- งานบ้าน เช่น ป้อนข้าว อาบน้ำ ซ่อมบำรุง
- บริการรับส่งไปสถานพยาบาลและปรับสภาพแวดล้อมในบ้าน
- ตำบลชมภูมีบุคลากรสาธารณสุข 3 แห่ง เช่น รพ.สารภีบวรพัฒนา และเครือข่ายสนับสนุน เช่น โรงเรียน ชมรมผู้สูงอายุ อสม. และจิตอาสาต่างๆ ที่มีทักษะดูแลผู้สูงอายุและคนพิการ ครอบคลุมงานสุขภาพ การเรียนรู้ งานบ้าน งานช่าง และสันทนาการ
5
จัดตั้งธนาคารเวลาและคณะกรรมการธนาคารเวลา
- เพื่อเตรียมจัดตั้ง ธนาคารเวลา คณะทำงานได้ประชุมหารือและกำหนดแนวทางสำคัญ โดยเน้นหลักการว่า “เราจะช่วยบรรเทาทุกข์เพื่อนบ้านได้อย่างไร” และ “ธนาคารเวลาไม่ใช่แค่การช่วยเหลือ แต่คือการรับ-ให้ที่มีคุณค่า” พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงน้ำใจและศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่! 😊
- หลักการสำคัญ:
- “บรรเทาทุกข์เพื่อนบ้านด้วยความเอื้ออาทร”
- “เป็นการรับและให้ที่มีคุณค่า ไม่ใช่การสงเคราะห์”
- “เปิดโอกาสให้ผู้คนแสดงศักยภาพแห่งความมีน้ำใจ”
- ธนาคารเวลาเป็นหลักประกันว่าทุกคนจะได้รับการดูแล ด้วยการรับ-ให้ที่มีคุณค่า
- สร้างพื้นที่ให้ผู้คนแสดงศักยภาพและความเอื้ออาทร
- โครงสร้างคณะกรรมการธนาคารเวลา:
- ตั้งคณะกรรมการ 20 คน โดยมีศูนย์บริการผู้พิการตำบลชมภูเป็นแกนหลัก
- นายอนันต์ แสงบุญ (อดีตผู้ใหญ่บ้าน) เป็นผู้จัดการธนาคารเวลา
- ที่ปรึกษา 3 คน ได้แก่ นายกเทศมนตรี สาธารณสุขอำเภอสารภี และหัวหน้าโครงการ
- ชื่อธนาคาร:
Time Bank Chumphu Chiang Mai
สโลแกน: “ออมเวลา ปันด้วยใจ ให้ด้วยรัก”
สถานที่: ศูนย์บริการคนพิการตำบลชมภู - บทบาทหน้าที่หลัก:
- ผู้จัดการและผู้ช่วย: บริหารงานทั่วไป กำหนดนโยบาย ดูแลการขอรับ-ให้บริการ และติดตามกิจกรรม
- นักบัญชีและผู้ช่วย: จัดทำฐานข้อมูล บัญชีคะแนน และเก็บสมุดบัญชีไว้ที่ทำการเพื่อความสะดวกและโปร่งใส
- นักวิชาการ: ให้ความรู้สมาชิก วางแผนพัฒนาศักยภาพ และติดตามผลการดำเนินงาน
- เลขานุการและผู้ช่วย: รับสมัครสมาชิก ดูแลระบบทะเบียน และอัปเดตข้อมูล
- ประชาสัมพันธ์และผู้ช่วย: ชักชวนสมาชิก เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และส่งเสริมกิจกรรมธนาคารเวลา
- ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำและสนับสนุนการดำเนินงานในชุมชน
- การรับสมัครและการเปิดบัญชี
- ทุกบัญชีเริ่มต้นที่ 5 คะแนน (บุคคลหรือองค์กร)
- การสมัครในนามองค์กรต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 7 คน
- กลุ่มเป้าหมายและบริการ
- กลุ่มเป้าหมาย: ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และสมาชิกทั่วไป
- บริการครอบคลุม 7 ด้าน เช่น งานช่าง งานบ้าน งานดูแลสุขภาพ และงานนันทนาการ
- การแลกเปลี่ยนคะแนน
- ช่วงแรก: ยึดหลัก 1 ชั่วโมง = 1 คะแนน
- ปรับเปลี่ยน: 1 กิจกรรม = 1 คะแนน เพื่อความเหมาะสมกับวิถีชุมชน
- กติกา: คะแนนจะบันทึกโดยธนาคาร และสามารถกู้ โอน หรือบริจาคคะแนนได้
- การแลกเปลี่ยนคะแนนแบบต่างๆ
- บุคคลต่อบุคคล: เช่น ตัดกิ่งไม้ สมาชิกจะได้รับ 1 คะแนน
- บุคคลต่อองค์กร: เช่น ให้ความรู้ สมาชิกจะได้รับ 1 คะแนนจากองค์กร
- องค์กรต่อองค์กร: เช่น เทศบาลช่วยขนส่ง ศูนย์ผู้พิการจะมอบ 1 คะแนนให้เทศบาล
- กิจกรรมไม่นับคะแนน
- ช่วยเหลือทั่วไปโดยจิตสาธารณะ
- งานที่ไม่ได้ผ่านการประสานจากธนาคาร
- การบันทึกข้อมูล
- เริ่มต้นใช้การบันทึกข้อมูลด้วยมือและ Excel และจะพัฒนาระบบในอนาคต
- งบประมาณการดำเนินงาน
- ใช้งบประมาณจากโครงการสนับสนุน 8 เดือนแรก (พ.ค.-ธ.ค. 2562)
- หลังโครงการสิ้นสุด จะหาเงินสนับสนุนผ่านภาครัฐ เอกชน วัด การบริจาค และกิจกรรมระดมทุน
- ค่าบริหารจัดการประมาณ 50,000 บาท/ปี
6
การเปิดทำการธนาคารเวลา รับสมัครสมาชิก
- ธนาคารเวลาตำบลชมภูเปิดตัวครั้งแรก
วันที่: 19 มิถุนายน 2562
กิจกรรมสำคัญ: - เปิดรับสมัครสมาชิก:
- สมาชิก 50 คนแรกเปิดบัญชีและได้รับ 5 คะแนนแรกเข้าทันที (ปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มเป็น 65 คน ครอบคลุม 9 หมู่บ้าน)
- รับสมัครทั้งบุคคลและองค์กร (องค์กรแรกที่สมัคร 5 แห่ง เช่น เทศบาลตำบลชมภูและศูนย์บริการผู้พิการ)
- ปฐมนิเทศ:
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ แนวคิด และกติกาการดำเนินงาน โดยนักวิชาการ เพื่อให้สมาชิกเข้าใจกระบวนการทำงาน
- ลงนาม MOU:
- 8 หน่วยงานในชุมชน เช่น เทศบาล รพ.สต. และโรงเรียน ลงนามความร่วมมือ เพื่อสนับสนุนธนาคารเวลา
- กิจกรรมเสริม:
- นิทรรศการของกลุ่มออมทรัพย์และจิตอาสา
- การแสดงดนตรีอังกะลุงโดยศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
7
การดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือสังคม
- ธนาคารเวลาชมภูเริ่มดำเนินการด้วยความอบอุ่น
- เปิดกลุ่ม Line “ธนาคารเวลา ปันด้วยใจ ให้ด้วยรัก” เพื่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนกิจกรรมและคะแนน สมาชิกเริ่มโพสต์กิจกรรมที่ช่วยชุมชน เช่น ตัดกิ่งไม้ ซ่อมประปา หรือเป็นวิทยากร แต่ช่วงแรกยังไม่ได้คะแนนเพราะไม่เข้าใจกติกา นายธนาคารจึงแนะนำและเริ่มทดลองระบบ จนสมาชิกเข้าใจกระบวนการมากขึ้น
- กิจกรรมแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่เป็นงานช่าง งานดูแล เช่น ซ่อมสะพาน ตัดแต่งต้นไม้ ช่วยรับ-ส่งผู้ป่วย เยี่ยมญาติ ดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงการพบปะพูดคุย ทานอาหารร่วมกัน ให้กำลังใจ และแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพ
- ธนาคารเวลาจึงเป็นพื้นที่ของ “ญาติสนิท เพื่อนบ้านช่วยเพื่อน” เชื่อมโยงจิตอาสาทุกวัยให้ตอบโจทย์ความต้องการในชุมชนด้วยความเอื้ออาทร! 😊
8
เสริมพลังจิตอาสา
- ธนาคารเวลาชมภูจัดกิจกรรมเสริมทักษะให้จิตอาสาเพื่อเพิ่มศักยภาพและตอบโจทย์ปัญหาในชุมชน ดังนี้:
- ทักษะด้านอาชีพ:
- สมาชิกวิเคราะห์ศักยภาพของตนเองและชุมชน พบว่าการทำอาหารพื้นเมือง เช่น น้ำเมี่ยง ข้าวต้มหัวหงอก เป็นจุดเด่นที่ตอบสนองความต้องการของคณะศึกษาดูงานและงานเทศกาล
- จัดอบรมให้สมาชิกพัฒนาการบริการอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสร้างรายได้เสริม
- ทักษะด้านการสื่อสาร:
- ฝึกการสื่อสารกับผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อป้องกันปัญหา เช่น ผู้รับบริการยึดติดกับผู้ให้บริการคนใดคนหนึ่ง หรือการจัดการอารมณ์ของจิตอาสาเมื่อต้องรับฟังปัญหาหนักใจ
- เพิ่มทักษะให้จิตอาสาสามารถให้บริการได้อย่างเหมาะสมและสร้างความเข้าใจที่ดี
- ทักษะการใช้กายอุปกรณ์:
- แก้ปัญหาการใช้งานกายอุปกรณ์ไม่ถูกต้อง เช่น รถเข็นตกน้ำ
- สอนการใช้งานที่ปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ครอบครัว และญาติ โดยใช้สถานที่ฝึกของโรงพยาบาลสารภีบวร
9
ถอดบทเรียน ติดตาม ประเมินผลแบบเสริมพลัง
- ธนาคารเวลาตำบลชมภูเน้นกระบวนการทบทวนและเรียนรู้จากการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหา ดังนี้:
- Before Action Review (BAR):
- นัดประชุมก่อนทุกกิจกรรม เพื่อวางแผน แบ่งหน้าที่ และรับฟังความคิดเห็น
- After Action Review (AAR):
- ประชุมสรุปหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมใน 3 ระดับ: คณะกรรมการ สมาชิกที่แลกเปลี่ยนคะแนน และสมาชิกทั่วไป
- กระตุ้นการมีส่วนร่วมของสมาชิกที่ยังไม่ได้แลกคะแนน ผ่านการเล่าประสบการณ์และบรรยากาศกิจกรรม
- SECI Model:
- แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง (AAR)
- พัฒนาแนวทางการทำงาน โดยมีสถาบันการศึกษาร่วมเสริมความรู้
- เผยแพร่ผลสำเร็จและองค์ความรู้สู่สาธารณะ
- ถอดบทเรียน:
- นักวิชาการอิสระช่วยสะท้อนผลการดำเนินงาน ติดตาม และประเมินผลแบบเสริมพลัง
- การประเมินผล:
- ความเข้าใจธนาคารเวลา: ใช้แบบสอบถาม 10 ข้อ
- ความพึงพอใจ: แบบสอบถาม 20 ข้อผ่าน Google Form
- คุณภาพชีวิต: แบบประเมินขององค์การอนามัยโลก 26 ข้อ
10
สังเคราะห์บทเรียน รายงานผลการดำเนินงาน
- หลังจากถอดบทเรียนและสังเคราะห์ผลการทำงาน คณะทำงานได้จัดทำรายงานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดกิจกรรมเผยแพร่องค์ความรู้ในงาน “ชมภู อยู่ดี กิ๋นดี มีสุข Together we can” โดยความร่วมมือจากเครือข่ายทั้งในและนอกชุมชน
- กิจกรรมในงาน:
- ออกร้านค้าและบูธนิทรรศการ
- เวทีวิชาการ
- สถานีเรียนรู้ในรูปแบบศึกษาดูงาน
- สื่อประชาสัมพันธ์:
- บทสัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน
- คลิปวิดีโอเผยแพร่