“สังคมไทย” กลายเป็น “สังคมสูงวัย”
มีการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2525 โดยเริ่มต้นจากแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 1
แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 1
แผนพัฒนาผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545 – 2564) ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ ที่กำหนดทิศทางการพัฒนาและดำเนินงานผู้สูงอายุในภาพรวม
เข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย
ต้องรับภาระเลี้ยงดูเด็กและผู้สูงอายุรวม 51 คน
ผู้สูงอายุแห่งชาติ ได้มีมติเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 กำหนดให้ธนาคารเวลา เป็น 1 ใน 10 ประเด็นเร่งด่วนด้านผู้สูงอายุ ปี 2561 – 2564 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัย ที่มีเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุไทยเป็น Active Ageing : Healthy, Security and Participation
แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 – 2565) ครั้งที่ 2
ประเทศไทยมีประชากรอายุมากกว่า 60 ปี กว่า 12.9 ล้านคน หรือร้อยละ 20 จากประชากรทั้งหมด
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ “ร่างพัฒนาประชากรเพื่อพัฒนาประเทศในระยะยาว ปี 2565 – 2580” กรอบแนวทางการพัฒนาประชากรดังกล่าว มีการวางโครงสร้างพัฒนาประชากรไทยในทุกช่วงวัยด้วยแนวคิด “เกิดดี อยู่ดี กินดี” ให้ความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การเกิดอย่างมีคุณภาพ การอยู่อย่างมีคุณภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ การแก่และการตายอย่างมีคุณภาพ
ในปี 2570 คนทำงาน 100 คน ต้องรับภาระเลี้ยงดูเด็กและผู้สูงอายุรวม 64 คน หรือเฉลี่ย 2 : 1
มีการคาดการณ์ว่าในอีกไม่เกินปีนี้ ประเทศไทยจะกลายเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (super aged society) เมื่อสัดส่วนของประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีสูงถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด
ประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย ตั้งแต่ปี 2548
ในปี 2565 ประเทศไทยเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” (complete aged society) โดยมีประชากรอายุมากกว่า 60 ปี กว่า 12.9 ล้านคน หรือร้อยละ 20 จากประชากรทั้งหมด มีการคาดการณ์ว่าในอีกไม่เกิน 15 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะกลายเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (super aged society) เมื่อสัดส่วนของประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีสูงถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด
สัดส่วนประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากอัตราการเกิดของประชากรรุ่นใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา อันเป็นผลสืบเนื่องจากความแพร่หลายของเทคโนโลยีการคุมกำเนิด ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางการแพทย์ ที่ทำให้ประชากรมีอายุยืนยาวเพิ่มขึ้น จนเกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า “เกิดน้อย อายุยืน” โครงสร้างประชากรไทยเปลี่ยนแปลงไป ผลที่ติดตามมาคือภาวะพึ่งพิงวัยทำงาน คาดว่าในปี 2570 คนทำงาน 100 คน ต้องรับภาระเลี้ยงดูเด็กและผู้สูงอายุรวม 64 คน หรือเฉลี่ย 2 : 1 เพิ่มจากปี 2560 ที่รับภาระการเลี้ยงดู 51 คน
ประเทศไทยมีการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2525 โดยเริ่มต้นจากแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2525 – 2544) จากนั้นมีการจัดทำแผนพัฒนาผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545 – 2564) ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ ที่กำหนดทิศทางการพัฒนาและดำเนินงานผู้สูงอายุในภาพรวม ณ ขณะนี้ประเทศไทยใช้แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 – 2565) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563
ประเทศไทยยังมีนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ ได้แก่ แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมผู้สูงอายุให้สามารถพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ และสนับสนุนให้ผู้สูงอายุเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ เป็นต้น
ในเดือนพฤษภาคม 2565 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ “ร่างพัฒนาประชากรเพื่อพัฒนาประเทศในระยะยาว ปี 2565 – 2580” กรอบแนวทางการพัฒนาประชากรดังกล่าว มีการวางโครงสร้างพัฒนาประชากรไทยในทุกช่วงวัยด้วยแนวคิด “เกิดดี อยู่ดี กินดี” ให้ความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การเกิดอย่างมีคุณภาพ การอยู่อย่างมีคุณภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ การแก่และการตายอย่างมีคุณภาพ
อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2557 พบว่า ผู้สูงอายุไทยกว่า 3.84 ล้านคน (ร้อยละ 38.2 ของประชากรสูงอายุทั้งหมด) ยังคงทำงาน ซึ่งเป็นอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากในอดีต ผู้สูงอายุร้อย 36.7 ต้องพึ่งพิงรายได้จากบุตร และในปี 2550 มีผู้สูงอายุร้อยละ 7.7 อาศัยอยู่คนเดียว และมีสัดส่วนที่สูงขึ้นเป็นร้อยละ 10.7 ในปี 2557
ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น “สังคมสูงวัย” อย่างสมบูรณ์ (complete aged society) เมื่อปี 2565 ด้วยสัดส่วนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 20 รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการกำหนดนโยบายและหลากหลายมาตรการเพื่อรองรับ
นั่นก็รวมถึงการดำเนินงาน “ธนาคารเวลา” โดยในปี 2561 คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ได้มีมติเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 กำหนดให้ธนาคารเวลา เป็น 1 ใน 10 ประเด็นเร่งด่วนด้านผู้สูงอายุ ปี 2561 – 2564 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัย ที่มีเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุไทยเป็น Active Ageing : Healthy, Security and Participation
วันที่ 14 สิงหาคม 2561 กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เริ่มดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับการดูแลผู้สูงอายุไทย โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับการดูแลผู้สูงอายุ โดยมีหน่วยงานร่วมดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 44 พื้นที่นำร่องในทุกภูมิภาคของประเทศ
กล่าวได้ว่า ธนาคารเวลาของไทย มีพัฒนาการที่เชื่อมโยงมาจาก “งานจิตอาสา” พื้นที่นำร่องการดำเนินงานธนาคารเวลาส่วนใหญ่มีงานจิตอาสามาก่อนหน้า ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาชุมชนและสังคมให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ภายใต้สังคมแห่งการแบ่งปัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
จากการสำรวจการดำเนินกิจกรรมที่มีความเชื่อมโยงการสร้างกิจกรรมจิตอาสาและการสะสมเวลา พบว่ามี 3 ลักษณะ ได้แก่ การลงมือร่วมกิจกรรมช่วยเหลือ การบริจาคเงินทุน และการบริจาคสิ่งของ ส่วนการรับสมัครสมาชิก พบว่ามีทั้งสมาชิกระยะสั้น ซึ่งมีการกำหนดช่วงเวลาการดำเนินงานอย่างชัดเจน และสมาชิกระยะยาว คือไม่มีกำหนดระยะเวลา แต่เป็นการดำเนินงานที่มีความต่อเนื่อง
ธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญ สาขาชุมชนคลองลัดภาชี
คณะทำงานได้ให้ความรู้ความเข้าใจ เรื่องการแลกเปลี่ยนเวลาระหว่างสมาชิก โดยใช้ทักษะและประสบการณ์ของสมาชิกแต่ละคนมาฝากไว้เพื่อจับคู่ในการช่วยเหลือได้ตรงความต้องการ สำหรับการแลกเปลี่ยนของสมาชิกธนาคารเวลาสาขานี้ จะเป็นการช่วยเหลือกันในลักษณะการดูแลเรื่องความเป็นอยู่ อาทิ การช่วยรดน้ำต้นไม้ การดูแลบ้านในช่วงที่ไม่อยู่บ้าน การซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า การย้อมผม การตัดเย็บ ขับรถ ฝากซื้อของ พาไปหาหมอ เมื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือกันเรียบร้อยแล้ว ผู้จัดการฯ จะเป็นผู้บันทึกเวลาให้แก่สมาชิกทั้ง 2 ฝ่าย ในสมุดบันทึกเวลา
ธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญ สาขาชุมชนแป๊ะกงร่วมใจ
จุดเริ่มต้นในการดำเนินงานของ ผู้จัดการฯ และคณะทำงาน ในการรับสมัครสมาชิกฯ คือ มีการระดมพลังในการประชาสัมพันธ์ให้รู้จักธนาคารเวลา และสังคมสูงวัยผ่านช่องทางไลน์กลุ่ม เสียงตามสาย และการบอกเล่าปากต่อปาก จนกระทั่งมีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกฯ สำหรับการแลกเปลี่ยนทักษะของสมาชิกธนาคารเวลาฯ แห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบของการช่วยเหลือกันในเรื่องความเป็นอยู่ของสมาชิกฯ เช่น การรดน้ำต้นไม้ ตัดต้นไม้ การซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซ่อมประปา ตัดผม ล้างเครื่องเงิน ดูแลบ้าน เป็นเพื่อนคุย จากนั้นผู้จัดการฯ จะบันทึกเวลาให้กับสมาชิกฯ ทั้งสองฝ่ายที่ทำการแลกเปลี่ยนทักษะนั้น ๆ
ธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญ สาขาชุมชนเลิศสุขสม
การดำเนินงานขับเคลื่อนธนาคารเวลาของกลุ่มนี้ มีการจัดกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม ด้วยการจัดเวทีประชาคม ทำความเข้าใจหลักการธนาคารเวลาฯ เวทีรับฟังความคิดเห็น การเสริมศักยภาพสมาชิกฯ หลังจากสมาชิกฯ มีความรู้ความเข้าใจแล้ว ผู้จัดการและคณะทำงานจึงเชิญชวนให้มีการแลกเปลี่ยนทักษะ ซึ่งสมาชิกฯ ที่แจ้งความต้องการขอความช่วยเหลือส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่อง การซ่อมแซมเสื้อผ้า พาไปหาหมอตามนัด สอนการบ้าน การนวดผ่อนคลาย ทำสวน ซ่อมประปา ฯลฯ ผู้จัดการจะเป็นผู้บันทึกเวลา
ธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญ สาขาชุมชนศิรินทร์และเพื่อน
ธนาคารเวลาฯ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มีความเข้มแข็ง และมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน โดยผู้จัดการฯ และคณะทำงานได้เรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องกระบวนการแลกเปลี่ยนทักษะของธนาคารเวลาว่าจะช่วยลดความเกรงใจระหว่างเพื่อนบ้านช่วยเพื่อนบ้านได้ และมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนคนรุ่นใหม่ร่วมเป็นสมาชิกธนาคารเวลาฯ สำหรับทักษะที่สมาชิกฯ ได้แลกเปลี่ยนสะสมเวลากัน ได้แก่ การบริการขับรถรับส่ง การตัดผม ย้อมผม งานซ่อมแซม การฝากซื้อของ ดูแลบ้าน ดูแลสัตว์ โดยผู้จัดการจะลงสมุดบันทึกเวลาให้กับสมาชิก
ธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญ สาขาชุมชนพูนบำเพ็ญ
มีหัวหน้ากลุ่มเป็นผู้จัดการ คอยบริหารจัดการ มีบทบาทในการรับรองการแลกเปลี่ยนทักษะของสมาชิกฯ และดูแลทำความเข้าใจ พร้อมกับการกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนทักษะอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ากิจกรรมที่สมาชิกฯ มีการร้องขอและได้มีการแลกเปลี่ยนทักษะกัน มีหลายรูปแบบ อาทิ งานด้านเกษตร เช่น ปลูกผัก ทำแปลงผัก พาไปหาหมอ งานซ่อมแซม ฝากซื้อของ เป็นเพื่อนออกกำลังกาย ทำขนม เมื่อการแลกเปลี่ยนทักษะกันเสร็จสิ้นแล้ว จะแจ้งผลให้ผู้จัดการรับทราบเพื่อบันทึกลงสมุดเวลา
ธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญ สาขาบริษัทแกมม่า อินดัสตรี้ส์ จำกัด
บ.แกมม่าฯ จะมีบริบทแตกต่างจากธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญฯ พื้นที่อื่นๆ คือ เป็นสถานประกอบการที่ไม่มีผู้สูงอายุ แต่เนื่องจากผู้จัดการมองเห็นคุณค่าด้านคุณภาพชีวิตมากกว่าผลกำไรที่จะได้ จึงร่วมเป็นพื้นที่นำร่องธนาคารเวลาฯ และเชื่อว่าในอนาคตธนาคารเวลาฯ จะทำประโยชน์ให้กับบริษัทและสมาชิกในองค์กรได้โดยไม่ต้องใช้เงินเป็นการจ้าง จึงก่อตั้งธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญ สาขาบริษัท แกมม่า อินดัสตรี้ส์ จำกัด สิ่งที่น่าสนใจคือ สมาชิกธนาคารเวลาฯ กลุ่มนี้บางคนมีญาติที่เป็นผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งสามารถเอื้อประโยชน์โดยใช้เวลาของสมาชิกฯ แลกทักษะกับสมาชิกคนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือได้เช่นกัน สำหรับทักษะของสมาชิกฯ ที่มีการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน เช่น งานช่าง ล้างแอร์ ตัดผม ฝากซื้อของ ย้ายหอพัก ขนของ ปลูกผัก ทำแปลงผัก เป็นต้น โดยผู้จัดการจะเป็นผู้บันทึกเวลาให้กับสมาชิกฯ
ธนาคารเวลาสำหรับทุกกลุ่มวัยภาษีเจริญ สาขา ร.ร.บางจาก (โกมลประเสริฐอุทิศ)
ร.ร.บางจากฯ เป็นธนาคารเวลาฯ สาขาแรกของสถาบันการศึกษา ในพื้นที่ภาษีเจริญ บริหารจัดการ โดยมีนักเรียนเป็นผู้จัดการธนาคารเวลาเยาวชนและคณะทำงาน ขับเคลื่อนร่วมกับบุคลากรครู มีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นที่ปรึกษา
สำหรับกิจกรรมการแลกเปลี่ยนทักษะ ส่วนใหญ่ได้แก่ การทำงานบ้าน สอนการบ้าน เป็นเพื่อนพูดคุย สอนเต้น ปลูกผัก ช่วยรดน้ำต้นไม้ งานประดิษฐ์ ขนย้ายของ สอนเล่นกีฬาฟุตซอล โดยมีผู้จัดการฯ บันทึกเวลา
ธนาคารเวลา Young Happy
รับสมัครสมาชิกที่เป็นผู้สูงอายุในเขตเมืองมาร่วมกิจกรรมในแนวจิตอาสา ทำให้มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกประมาณ 400 คน ที่หมุนเวียนมาร่วมกิจกรรม
มีผู้จัดการธนาคารเวลา ทำหน้าที่ประสานงาน ดูแลกิจกรรม รับฝากเวลา เพิ่มเครดิตเวลาให้กับสมาชิก ในการติดต่อกับสมาชิกจะสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งใช้การประชาสัมพันธ์กิจกรรม การรับสมัคร หรือการสะสมคะแนน
หากเทียบการดำเนินงานธนาคารเวลายังแฮปปี้ กับธนาคารเวลาที่อื่นๆ จะพบว่าหลักการและทฤษฎีค่อนข้างมีความแตกต่างกัน คือ ยังแฮปปี้ ไม่มีการนำเครดิตเวลาสะสมไปแลกเปลี่ยนบริการจากสมาชิกด้วยกัน แต่สามารถนำ ไปแลกของรางวัล หรือบริการด้านกิจกรรมได้
ธนาคารเวลายังแฮปปี้ มีกิจกรรมที่มีรูปแบบจิตอาสา 2 ลักษณะ ดังนี้
- กิจกรรมจิตอาสาแบบองค์กรกับองค์กร อย่างโครงการธนาคารเวลายังแฮปปี้ x TOCA ยังแฮปปี้มีสถานะเป็นองค์กร ที่มีสมาชิก และพาไปแลกกับอีกองค์กรที่ต้องการให้จิตอาสา มาช่วยเสนอความคิดการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ และจิตอาสาเป็นคณะกรรมการฝั่งผู้บริโภคที่คอยตรวจสอบคุณภาพผลผลิต ในขณะที่สมาชิกธนาคารยังแฮปปี้ ต้องการได้รับความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น และสนใจไปเที่ยวฟาร์มเกษตรอินทรีย์ จึงเป็นการแลกเปลี่ยนที่ตรงวัตถุประสงค์ของทั้งสองฝ่าย
- กิจกรรมจิตอาสาแบบองค์กรกับบุคคล อย่างกิจกรรม วัยเก๋าติดเกราะไซเบอร์ ที่ให้สมาชิกของธนาคารเวลาเป็นจิตอาสาดูแลให้คำแนะนำการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี กับเพื่อนผู้สูงอายุที่เป็นนักเรียนมือใหม่ในคอร์สเรียนทางออนไลน์
ธนาคารเวลาเวลาจิตเวชชุมชน ศิริราชพยาบาล (ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ ศิริราชพยาบาล)
กิจกรรมหลักของธนาคารเวลาแห่งนี้คือ เยี่ยมบ้าน ทำให้เกิดธนาคารเวลาในรูปแบบ องค์กรกับสมาชิก คือ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กับบุคคลสมาชิกที่ทำงานร่วมกับนักสังคมสงเคราะห์ในการลงเยี่ยมบ้านผู้ป่วย เป็นการสนับสนุนงานของภาควิชา ทำให้สามารถเยี่ยมผู้ป่วยได้ถี่ยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายการดูแลผู้ป่วยให้ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และสมาชิกจะได้รับเครดิตเวลาทุกครั้งที่ลงเยี่ยม ซึ่งสามารถนำมาแลกสิทธิประโยชน์จากองค์กร อาทิ บริการเข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ บริการนวด บริการรับคำปรึกษาจากนักสังคมสงเคราะห์
ธนาคารเวลาพาสุข
บริการผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อาทิ สมาชิกธนาคารเวลาพาสุข จำนวน 3 คน ที่มีทักษะการให้คำปรึกษาผู้ป่วยจิตเวช, อดีตนักสังคมสงเคราะห์ และทนายความ ได้ลงพื้นที่เข้าให้บริการสมาชิกในชุมชนลาดพร้าว 45 จำนวน 2 ครอบครัว ซึ่งขอรับความช่วยเหลือในการส่งต่อคนในครอบครัวที่เสพยาเกินขนาดจนป่วยเป็นโรคจิตเวช และโรคจิตเภท
ธนาคารเวลาพาสุข เปิดบริการพิเศษ “ให้คำปรึกษาเพื่อบรรเทาความเครียดกังวล” สำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เพราะผู้สูงวัยส่วนมาก เคยชินกับการเป็นที่พึ่งให้คนอื่น พอตัวเองมีปัญหา กลับไม่รู้จะปรึกษาใคร และ การได้คุยกับคนวัยเดียวกัน น่าจะทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่า เป็นบริการที่ไม่มีค่าใช้จ่าย และเป็นการให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นสมาชิกธนาคารเวลา
ธนาคารเวลาวัยสุข
ชักชวนเจ้าหน้าที่ห้องสมุดสวนโมกข์มาร่วมเป็นสมาชิก เมื่อมีการจัดสต็อกหนังสือในห้องสมุดทางเจ้าหน้าที่ก็จะขอบริการขอคนช่วย จึงมีการแลกเปลี่ยนเครดิต กับกิจกรรมระหว่าง สมาชิกที่เป็นเจ้าหน้าที่ห้องสมุดสวนโมกข์ และสมาชิกที่ไปช่วยงาน กล่าวได้ว่า ธนาคารเวลาวัยสุข ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสวนโมกข์เป็นหลัก
ธนาคารเวลาปันสุข
ใช้แนวคิดในการทำงานคือ ต้องขึ้นต้นด้วยการหาทักษะและบริการของสมาชิกในกลุ่มก่อนว่าธนาคารเวลาของเราจะแลกเปลี่ยนอะไรกันได้บ้าง ถ้าไม่สามารถแลกบริการกันได้ ให้นำทักษะนี้มาแลกเป็นกิจกรรมอื่น ๆ เช่น Book Club ทำให้ได้เห็นรูปแบบ การกำหนด การแลกเปลี่ยน การส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยน ทำให้เกิดองค์ความรู้จากปันสุข นำไปสู่ วัยสุข และ พาสุข ด้วยเหมือนกัน เป็นแนวคิดที่ธนาคารเวลาอื่น ๆ สามารถเรียนรู้และนำไปใช้ได้
ธนาคารเวลาเครือข่าย LPP
สมาชิกได้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ เรียบร้อยแล้ว สามารถนำเครดิตเวลาที่สะสมไว้มาแลกรับบริการได้ โดยมีรูปแบบในการตอบแทน ได้แก่
รูปแบบที่ 1 สมาชิกที่ร่วมกิจกรรม ดนตรีในสวน สามารถใช้เครดิตเวลา แลกรับบริการจากเพื่อนสมาชิก และบริการทำความสะอาดได้ตามช่วงเวลาที่คณะกรรมการกำหนด
รูปแบบที่ 2 สมาชิกที่ใช้เวลาคัดแยกขยะและนำมาส่ง ณ บริเวณจุดที่กำหนดจะได้รับเครดิตตามจำนวนที่กำหนดในการจัดกิจกรรมแต่ละครั้ง เพื่อที่จะไปแลกกับบริการที่นิติบุคคลฯ เตรียมไว้ให้ เช่น บริการทำความสะอาด บริการรถตู้รับ-ส่ง บริการล้างแอร์ เป็นการแลกบริการระหว่างนิติบุคคลฯ กับลูกบ้านเท่านั้น ไม่มีแลกบริการระหว่างเพื่อนสมาชิกด้วยกัน